หลีกให้ไกล ภัยร้าย RSV
October 31 / 2022

 

 

เมื่อเข้าช่วงปลายฝนต้นหนาว  คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะปวดหัวกับโรคร้ายต่างๆที่จะเข้ามาทำอันตรายลูกน้อยได้  และหนึ่งในโรคติดต่อที่เด็กๆเป็นกันเยอะในช่วงฤดูฝน ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น  นั่นก็คือมหันตภัยร้ายที่ชื่อ “RSV” (Respiratory Syncytial Virus)

 “RSV” คืออะไร

                RSV คือเชื้อไวรัสที่มีชื่อเต็มว่า “Respiratory Syncytial Virus” เป็นไวรัสที่มีเปลือกหุ้ม มี2สายพันธุ์ ได้แก่ RSV-A และ RSV-B สามารถพบได้บ่อยในเด็ก  เป็นสาเหตุให้เกิดอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจ  มีอาการคล้ายไข้หวัด หรือหลอดลมอักเสบ  แต่อาจมีความรุนแรงมากกว่า  พบได้บ่อยในเด็ก  โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีอาการรุนแรงได้

อาการของโรค “RSV”

                มีอาการคล้ายโรคไข้หวัด เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก เป็นไข้  ส่วนใหญ่จะพบอาการใน 4-6 วันหลังได้รับเชื้อ  สำหรับในเด็กโตและผู้ใหญ่อาจมีอาการดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์  แต่สำหรับในเด็กเล็ก (ต่ำกว่า 2 ปี) พบว่าร้อยละ 20-30 มีอาการลุกลามไปที่ทางเดินหายใจส่วนล่าง ในส่วนของหลอดลม และเนื้อปอด ทำให้อาจเกิดหลอดลมใหญ่อักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ และ ปอดอักเสบตามมาได้  ซึ่งมักจะมีอาการไอแรง ไข้สูง หอบเหนื่อย หากเป็นมากอาจมีอาการแทรกซ้อนได้ เช่น ไซนัส หูอักเสบ หรือ ปอดอักเสบซ้ำซ้อนจากแบคทีเรียได้เป็นต้น

 

“RSV” ติดต่อได้อย่างไร

                โรค RSV สามารถติดต่อได้โดยการหายใจเอาละอองสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยเข้าไป เช่น น้ำมูก เสมหะ น้ำลาย ฯลฯ  ซึ่งเชื้อ RSV สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง  และสามารถอยู่ที่มือเราได้ถึง 30 นาที  ดังนั้นโรคนี้จึงสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในเด็กเล็ก  โดยการสัมผัสของใช้หรือของเล่นร่วมกัน  หรือการอยู่ร่วมกันในโรงเรียน  เพราะฉะนั้นคุณพ่อ-คุณแม่ควรให้น้อง ๆ ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ และไม่ควรเอามือไปป้ายตาหรือเอาเข้าปาก  ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้

การรักษาโรค “RSV”

                ส่วนใหญ่รักษาตามความรุนแรงของโรคเป็นหลัก เช่น ให้ยาลดไข้ถ้ามีไข้ ให้น้ำเกลือถ้ารับประทานอาหารไม่ได้ หรือถ้ามีภาวะหายใจเร็ว หอบเหนื่อย อาจต้องให้ออกซิเจนในโรงพยาบาล ถ้ามีหายใจวี๊ดๆ อาจต้องพ่นยาขยายหลอดลมหรือใช้วิธีอื่นๆ ตามความเหมาะสม กรณีที่มีภาวะการหายใจล้มเหลว ก็อาจจำเป็นต้องใส่ท่อหลอดคอและใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าอาการจะดีขึ้น

                ดังนั้น คุณพ่อ-คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการและความผิดปกติของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด  และควรตรวจหาโรคนี้ให้แน่ใจ สามารถทำได้จากการตรวจจากน้ำมูกในโรงพยาบาลจึงจะสามารถทราบได้อย่างแน่ชัด โรงพยาบาลเด็กของเชียงใหม่ ราม มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบหายใจในเด็กและการติดเชื้อของเด็ก หากพบว่าลูกน้อยมีอาการใดที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรค RSV  

 


สามารถติดต่อไเพิ่มเติมด้ที่

แผนกผู้ป่วยนอกเด็ก โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม โทร. 052-004699 ต่อ 5123-5125