อ้วนลงพุง-นน.ตัวสูงแถมยังดื่มแอลกอฮอล์มาก...ล้วนอันตราย!! รพ.เชียงใหม่ ราม ชี้เป็นกลุ่มเสี่ยงภัย “ไขมันพอกตับ-มะเร็งตับ”
July 21 / 2021

 

 

รู้ว่ามีไขมันพอกตับก็เฉย เพราะไร้อาการชวนให้ตื่นเต้น!!!    

 

ถูกมองข้ามไม่เคยอยู่ในความคิดคำนึงเพราะไม่รู้ซึ้งถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในตัวของเราเองก็ด้วยเหตุที่ “โรคไขมันพอกตับ” มักไม่ออกอาการทางร่างกายที่เห็นได้เด่นชัด แม้ว่าหลาย ๆ คนที่ไปเข้ารับการตรวจสุขภาพแล้วจึงทราบจากคุณหมอว่ามีไขมันพอกตับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้รับคำแนะนำให้ควบคุมคุมอาหารรวมทั้งแนะนำให้ตรวจสุขภาพซ้ำทุกปี แต่จริง ๆ แล้วจะมีเพียงบางคนที่ได้มารับการตรวจติดตามผลดังที่ได้รับคำแนะนำไว้ ประกอบกับกรณีที่ไมได้เกิดภาวะอาการทที่ผิดปกติหรือมีความเจ็บปวดในส่วนใดมาเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีโรคภัยแอบแฝงอยู่ในตัว จึงไม่มีความจำเป็นตรงไหนที่ต้องไปหาหมอจนต่อเมื่อได้เกิดอาการรุนแรงผิดสำแดงขึ้นมากับตัวเองแล้วนั่นละถึงจะไป และเมื่อนั้นเองที่ทำให้รู้ว่าถูก  “โรคไขมันพอกตับ” เล่นงานเข้าให้แล้ว และหากจะว่าไปละก็หากตรวจพบว่าเป็นโรคนี้แล้วยังไม่ได้รับการรักษาเป็นเรื่องเป็นราวอย่างต่อเนื่องจริงจังก็อาจส่งผลร้ายโดยโรคร้ายอาจบานปลายกลายเป็น “ภาวะตับวายและมะเร็งตับ” ในที่สุด...!!!

เพราะเหตุนี้จึงส่งผลให้ “โรงพยาบาลเชียงงใหม่ ราม” ได้ขอแรง “นพ.ปรเมศวร์  สมบัติสุข”...แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหารและตับ...นำข้อมูลรายละเอียดมาฝากไว้เป็นความรู้สำหรับนำไปสร้าง “ปราการที่แข็งแกร่ง” ไว้สกัดกั้นป้องกันโรคนี้มิให้แวะเวียนมาใกล้ตัวได้โดยเด็ดขาด...

 

ปล่อยไว้นานจะยิ่งเสี่ยง “มะเร็งตับ” อีกต่างหาก

“คุณหมอปรเมศวร์” กล่าวถึงที่มาสาเหตุของ “ไขมันพอกตับ” ว่าเป็นภาวะที่มีการสะสมของไขมันในเซลล์ตับในปริมาณที่มากจนเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไขมันที่พบสะสมในเซลล์ตับจะเป็นไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ ส่วนสาเหตุของไขมันพอกตับที่พบบ่อยก็คือการที่ร่างกายของเราเกิดภาวะดื้อต่อการทำงานของอินซูลิน ซึ่งภาวะดื้อต่ออินซูลินนี้ อาจจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม หรือเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีสัดส่วนของน้ำตาลหรือไขมันอยู่ในเกณฑ์ที่มากจนเกินไป เมื่อเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เซลล์ไขมันก็จะมีการย่อยสลายไขมันออกมาในกระแสเลือดมากกกว่าปกติ แล้วท้ายที่สุดไขมันก็จะไปสะสมในเซลล์ตับและเกิดเป็น “ไขมันพอกตับ” ในที่สุด นอกจากนี้ได้อธิบายเพิ่มว่า

“... ส่วนใหญ่ “โรคไขมันพอกตับ” มักจะไม่แสดงอาการใด ๆ ให้เราเห็นชัดเจน หรือหากมีอาการก็จะไม่มีอาการจำเพาะเจาะจงชัดเจนเหมือนโรคทั่วไป โดยจะปรากฏอาการจำเพาะเจาะจงของตับอักเสบ ได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือรู้สึกผิดปกติบริเวณท้องหรือชายโครงขวา เป็นต้น เว้นแต่กรณีที่ภาวะไขมันพอกตับไปไกลขั้นรุนแรงจนกระทั่งเกิดภาวะตับแข็งแล้ว จึงอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง มีขาบวม หรืออาจมีน้ำในช่องท้อง  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะพบภาวะไขมันพอกตับในกรณีที่ตรวจสุขภาพเช็คร่างกายประจำปี จากการตรวจเลือดจึงพบว่าค่าตับสูงกว่าปกติ หรืออาจจะอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบนแล้วพบความผิดปกติว่ามีไขมันพอกตับ...”

 

 

เทคโนฯ ก้าวหน้าช่วยตรวจหาได้แม่นยำ...

นั่นก็แปลว่าถ้าปล่อยไว้ให้มันพัฒนาตัวเองไปถึงขนาดนั้นก็ย่อมหนีไม่พ้นความกังวลที่มันชักจะมารบกวนการใช้ชีวิตจนทนไม่ไหวอีกต่อไป...ซึ่งจริง ๆ แล้ว ก็ควรต้องรีบไปพึ่งพาหาหมอให้เร็วเข้าไว้เป็นดีที่สุด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์สมัยนี้ได้ก้าวล้ำทำให้คุณหมอมีอุปกรณ์การแพทย์ที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้การตรวจ-การรักษาภาวะอาการจากโรคที่เกี่ยวเนื่องกับ “ไขมันพอกตับ” อีกหลายโรค ซึ่ง “โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม” ก็ได้นำเข้ามาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่การตรวจ-รักษา โดย “คุณหมอปรเมศวร์” อธิบายว่า

“... ELASTOGRAPHY เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการตรวจหาภาวะพังผืดในเนื้อตับ ภาวะตับแข็ง และตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในตับ โดยไม่เกิดความเจ็บปวดใดๆ กับร่างกาย และลดอัตราความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนแทนวิธีการเจาะตับที่มีความเสี่ยงมากกว่า เพื่อวิเคราะห์และประเมินความรุนแรงของภาวะพังผืดในตับ จนขยายสู่วิธีการรักษาโรคไขมันพอกตับที่ตรงจุด โดยการทำงานของเทคโนโลยี ELASTOGRAPHY นี้ จะมีการส่งคลื่นความถี่ต่ำเข้าไปกระทบกับเนื้อตับของคนไข้ หลังจากนั้นจะมีการส่งคลื่นสะท้อนกลับมาที่เครื่อง แล้วเครื่องก็จะแปลสัญญาณออกมาเป็นค่าพังผืดหรือค่าความแข็งตัวของตับ โดยประมวลผลเป็นหน่วยตัวเลข...ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะใช้อุปกรณ์ตรวจอัลตร้าซาวด์ ELASTOGRAPHY นี้เพื่อช่วยประเมินความรุนแรงของภาวะไขมันพอกตับ และสามารถตรวจประสิทธิภาพของตับหลังจากการรักษาไปแล้วว่าเป็นอย่างไรเช่น ก่อนเริ่มต้นการรักษามีค่าพังผืดในปริมาณที่สูง หลังจากรับการรักษาไปแล้วพบว่าค่าพังผืดลดลง ก็แสดงว่าการรักษานั้นมีประสิทธิภาพและได้ผล...”

 

 “ข้อดี” คือ...สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่เสี่ยงติดเชื้อ...

ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากเทคโนโลยีการแพทย์ก้าวหน้าชนิดนี้ซึ่ง “หมอจอแก้ว” ไม่ลืมที่จะยกมากล่าวไว้ด้วยคือ... ผู้ป่วยไม่ต้องเผชิญความเจ็บตัวระหว่างเข้ารับการตรวจ และนอกจากจะปลอดภัยแล้วยังสามารถทำได้ในเวลารวดเร็ว รวมทั้งแปรผลอย่างรวดเร็วเช่นกัน ประกอบกับกรณีที่ใช้ระบบการทำงานด้วยคลื่นความถี่ต่ำจึงสามารถตรวจซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือการเกิดมะเร็งแต่อย่างใด... เพียงแต่อาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างสำหรับกรณีที่ผู้ป่วยบางรายอาจมีรูปร่างอ้วน หรือมีผนังหน้าท้องที่หนามาก หรืออาจจะมีน้ำในช่องท้องซึ่งอาจส่งผลให้การตรวจมีความคลาดเคลื่อนหรือลดความแม่นยำลงได้... แต่ถึงอย่างไรก็สามารถจับต้องภาพรวมที่เป็นประโยชน์ได้อย่างชัดเจนอยู่ดี จึงอยากให้ท่านผู้อ่านชาวเชียงใหม่ตลอดทั้งทุกท่านที่อาศัยอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงได้รับทราบถึง “ศักยภาพ” ทางการแพทย์ที่ “โรงพยาบาลเชียงงใหม่ ราม” เตรียมไว้ดูแลสกัดกั้นป้องกันปัญหาจาก “โรคไขมันพอกตับ” ไว้อย่างพร้อมมูลแล้ว