ระดับน้ำตาลในเลือดป็นตัวชี้วัดสุขภาพที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องของ โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่พบได้มากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งในผู้สูงอายุ หรือวัยรุ่น บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า การตรวจค่าน้ำตาลในเลือดมีกี่แบบ, ตัวเลขไหนถือว่าปกติ, ตัวเลขไหนเสี่ยงหรือเข้าข่ายเป็นเบาหวาน
น้ำตาลในเลือดคือปริมาณของ กลูโคส (Glucose) ที่อยู่ในกระแสเลือดซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ร่างกายนำไปใช้ในการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมองคิดงาน การเคลื่อนไหว ไปจนถึงการทำงานของอวัยวะภายใน เวลาที่เรากินข้าวหรือขนม ร่างกายก็จะย่อยแป้งและน้ำตาลออกมาเป็นกลูโคส แล้วดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้น ฮอร์โมนอินซูลินที่สร้างจากตับอ่อน จะทำหน้าที่พากลูโคสจากเลือดเข้าไปในเซลล์ เพื่อให้เซลล์ใช้เป็นพลังงาน
ถ้าฮอร์โมนอินซูลินทำงานได้ดี น้ำตาลในเลือดก็จะอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ถ้าอินซูลินน้อยไป หรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน กลูโคสจะสะสมอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป จนทำให้ น้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน
การตรวจค่าน้ำตาลในเลือดมีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมและใช้กันทั่วไปจะมี 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้
การตรวจน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร หรือ FPG คือการวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากที่ผู้ตรวจอดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคเบาหวาน และภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
ค่าระดับน้ำตาลที่ปกติจะอยู่ระหว่าง 70-99 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ค่าระดับน้ำตาลที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานจะอยู่ระหว่าง 100-125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ค่าระดับน้ำตาลที่อาจถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานคือ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
เป็นวิธีตรวจที่ละเอียดมากขึ้น โดยวัดความสามารถของร่างกายในการจัดการกับน้ำตาลในเลือดโดยจะเริ่มจากการตรวจระดับน้ำตาลขณะอดอาหารก่อน จากนั้นผู้ป่วยจะต้องดื่มน้ำเชื่อมกลูโคสที่มีความเข้มข้นและรอประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าร่างกายสามารถนำกลูโคสเข้าไปใช้ได้ดีแค่ไหน
น้อยกว่า 140 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าปกติ
อยู่ระหว่าง 140-199 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อาจถูกวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน
การวัดปริมาณน้ำตาลที่จับอยู่กับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งเม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 2-3 เดือน ดังนั้นผลตรวจนี้จึงสะท้อนภาพรวมระดับน้ำตาลในเลือดของช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา การตรวจ HbA1c นิยมใช้เพื่อติดตามผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและการตรวจด้วยวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องอดอาหารก่อนตรวจ
ค่าน้อยกว่า 6.0% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ค่าระหว่าง 6.0% ถึง 6.4% แสดงถึงภาวะเสี่ยงก่อนเป็นเบาหวาน (Prediabetes)
ค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 6.5% บ่งชี้ว่าเป็นโรคเบาหวาน
การตรวจค่าน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรารู้ถึงสุขภาพของร่างกายและความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจน้ำตาลขณะอดอาหาร การทดสอบการทนต่อน้ำตาล การตรวจ HbA1c รู้ค่าน้ำตาลในเลือดของตัวเองจะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสการเกิดโรคร้ายที่มาจากน้ำตาลในเลือดสูงอย่างโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
โรงพยาบาลเชียงใหม่ รามได้มีบริการแพ็กเกจตรวจคัดกรองเบาหวาน เพื่อคัดกรองและรับรู้ความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดโรคร้ายตามมาภายหลัง รวมไปถึงการให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดเป็นโรคเบาหวาน
สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ แผนกโรคเฉพาะทาง โทร 052-004699