การเช็กค่าน้ำตาลในเลือดเท่าไหร่เป็นปกติ หรือ เบาหวาน
July 04 / 2025

เช็กค่าน้ำตาลในเลือด

 

ระดับน้ำตาลในเลือดป็นตัวชี้วัดสุขภาพที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องของ โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่พบได้มากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งในผู้สูงอายุ หรือวัยรุ่น บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า การตรวจค่าน้ำตาลในเลือดมีกี่แบบ, ตัวเลขไหนถือว่าปกติ, ตัวเลขไหนเสี่ยงหรือเข้าข่ายเป็นเบาหวาน

ทำความรู้จักค่าน้ำตาลในเลือดคืออะไร

 

น้ำตาลในเลือดคือปริมาณของ กลูโคส (Glucose) ที่อยู่ในกระแสเลือดซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ร่างกายนำไปใช้ในการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมองคิดงาน การเคลื่อนไหว ไปจนถึงการทำงานของอวัยวะภายใน เวลาที่เรากินข้าวหรือขนม ร่างกายก็จะย่อยแป้งและน้ำตาลออกมาเป็นกลูโคส แล้วดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้น ฮอร์โมนอินซูลินที่สร้างจากตับอ่อน จะทำหน้าที่พากลูโคสจากเลือดเข้าไปในเซลล์ เพื่อให้เซลล์ใช้เป็นพลังงาน

 

ถ้าฮอร์โมนอินซูลินทำงานได้ดี น้ำตาลในเลือดก็จะอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ถ้าอินซูลินน้อยไป หรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน กลูโคสจะสะสมอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป จนทำให้ น้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน

 

วิธีการตรวจค่าน้ำตาลในเลือดและการอ่านค่าระดับน้ำตาล

การตรวจค่าน้ำตาลในเลือดมีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมและใช้กันทั่วไปจะมี 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้

 

1. การตรวจน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร (Fasting Plasma Glucose - FPG)

 

การตรวจน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร หรือ FPG คือการวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากที่ผู้ตรวจอดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคเบาหวาน และภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน

 

  • ค่าระดับน้ำตาลที่ปกติจะอยู่ระหว่าง 70-99 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

  • ค่าระดับน้ำตาลที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานจะอยู่ระหว่าง 100-125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

  • ค่าระดับน้ำตาลที่อาจถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานคือ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป

 

2. การทดสอบการทนต่อน้ำตาล (Oral Glucose Tolerance Test - OGTT)

 

เป็นวิธีตรวจที่ละเอียดมากขึ้น โดยวัดความสามารถของร่างกายในการจัดการกับน้ำตาลในเลือดโดยจะเริ่มจากการตรวจระดับน้ำตาลขณะอดอาหารก่อน จากนั้นผู้ป่วยจะต้องดื่มน้ำเชื่อมกลูโคสที่มีความเข้มข้นและรอประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าร่างกายสามารถนำกลูโคสเข้าไปใช้ได้ดีแค่ไหน

 

  • น้อยกว่า 140 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าปกติ

  • อยู่ระหว่าง 140-199 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

  • มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อาจถูกวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

3. การตรวจน้ำตาลเฉลี่ยย้อนหลัง 2-3 เดือน (HbA1c หรือ Hemoglobin A1c)

 

การวัดปริมาณน้ำตาลที่จับอยู่กับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งเม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 2-3 เดือน ดังนั้นผลตรวจนี้จึงสะท้อนภาพรวมระดับน้ำตาลในเลือดของช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา การตรวจ HbA1c นิยมใช้เพื่อติดตามผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและการตรวจด้วยวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องอดอาหารก่อนตรวจ

 

  • ค่าน้อยกว่า 6.0% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ

  • ค่าระหว่าง 6.0% ถึง 6.4% แสดงถึงภาวะเสี่ยงก่อนเป็นเบาหวาน (Prediabetes)

  • ค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 6.5% บ่งชี้ว่าเป็นโรคเบาหวาน

 

การตรวจค่าน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรารู้ถึงสุขภาพของร่างกายและความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจน้ำตาลขณะอดอาหาร การทดสอบการทนต่อน้ำตาล การตรวจ HbA1c รู้ค่าน้ำตาลในเลือดของตัวเองจะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสการเกิดโรคร้ายที่มาจากน้ำตาลในเลือดสูงอย่างโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

 

โรงพยาบาลเชียงใหม่ รามได้มีบริการแพ็กเกจตรวจคัดกรองเบาหวาน เพื่อคัดกรองและรับรู้ความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดโรคร้ายตามมาภายหลัง รวมไปถึงการให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดเป็นโรคเบาหวาน

 

สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ แผนกโรคเฉพาะทาง โทร 052-004699