ยาลดระดับไขมันในเลือด เหมาะกับใคร ข้อควรระวังและผลข้างเคียง
August 17 / 2025

ยาลดไขมันในเลือด

 

ระดับไขมันในเลือดสูง เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่หลายคนมักมองข้าม ซึ่งมันสามารถทำให้กลายเป็นโรคเรื้อรังหลายชนิด โดยเฉพาะโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด แม้ว่าหลายคนจะพยายามควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย บางครั้งระดับไขมันในเลือดก็ยังไม่ลดลงจนถึงระดับที่เหมาะสม และอาจจะทำให้แพทย์พิจารณาให้ใช้ยาลดระดับไขมันในเลือดเข้ามาช่วย

 

ยาลดระดับไขมันในเลือดคืออะไร

ยาลดระดับไขมันในเลือด เป็นกลุ่มยาที่แพทย์ใช้เพื่อช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยจะลดปริมาณไขมันไม่ดี LDL หากมีมากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด แม้ว่าการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการลดไขมัน แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนเช่น คนที่มีระดับไขมันสูงต่อเนื่องแม้ปรับพฤติกรรมแล้ว การใช้ยาลดไขมันอาจเป็นตัวเลือกที่แพทย์จะพินารณานำมาใช้

 

ประเภทของยาลดไขมัน

1.ยากลุ่มสแตติน Statins
 

ตัวอย่างยากลุ่มนี้ ซิมวาสแตติน simvastatin, อะทอร์วาสแตติน atorvastatin

 

มีหน้าที่ลดไขมันไม่ดี LDL ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้

 

ผลข้างเคียง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

 

ข้อควรระวัง หญิงมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน

 

2.ยากลุ่มไฟเบรท Fibrates

 

ตัวอย่างยากลุ่มนี้ ฟีโนไฟเบรท fenofibrate, เจมไฟโบรซิล gemfibrozil

 

มีหน้าที่ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ลง และคนที่มีความเสี่ยงเรื่องตับอ่อนอักเสบ

 

ผลข้างเคียง มีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ ปวดหลัง มีน้ำมูกไหล

 

ข้อควรระวัง ผู้ป่วยโรคตับ ไต นิ่วในถุงน้ำดี และหญิงมีครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้

 

3. ยากลุ่มไนอะซิน Niacin

 

มีหน้าที่ลดระดับไขมันไม่ดี LDL ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่ ระดับไขมันดี HDL

 

ผลข้างเคียง อาจเกิดอาการผิวแดง ปวดท้อง ปวดศีรษะ และอาจรุนแรงถึงขนาดตัวเหลือง หน้ามืด หัวใจเต้นผิดจังหวะ

 

ข้อควรระวัง คนที่มีโรคตับ แผลในกระเพาะอาหาร ไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้

 

4. ยากลุ่มอิเซทิไมบ์ Ezetimibe

 

มีหน้าที่ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ สามารถใช้ร่วมกับยากลุ่มสแตติน Statins เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดปริมาณไขมัน

 

ผลข้างเคียง อาจมีอาการมึนหัว ปวดตามข้อเล็กน้อย

 

ทั้งนี้การใช้ยาลดไขมันในเลือดควรต้องใช้ตามคำแนะนำและการดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยากินเองหรือเพิ่มลดปริมาณยาเอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของตัวยาและการรักษาในระยะยาว